Suki Media

อีก 100 วัน ผมจะตาย

Posted on: วันศุกร์, 9 มีนาคม, 2007

     วันนี้หยุดอยู่บ้านครับ ไม่ได้ไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยว ไม่ได้ไปไหนทั้งสิ้น เพราะได้หยุดชดเชยที่ไปทำงานในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา เลยมีโอกาสนอนอย่างเต็มที่เสียทีหลังจากนอนดึกตื่นเช้ามาหลายวันแล้ว

   หลายคนอาจสงสัยว่าโดยปกติคนทำงานข่าวโทรทัศน์บริหารเวลากันอย่างไร ผมก็เลยถือโอกาสนี้เล่าสู่กันฟัง โดยยกตัวอย่างจากตารางเวลาของตัวผมเองแล้วกันนะครับ สำหรับคนอื่นก็จะแตกต่างออกไปตามภาระหน้าที่และความรับผิดชอบ

     สำหรับตัวผมแล้ว หลังจากที่บอกเลิกการทำรายการไปหนึ่งรายการ ทีแรกก็นึกว่าจะมีภาระหน้าที่เบาบางลงไป แต่จริงๆ หาเป็นเช่นนั้นไม่ ก็กลับมีงานเพิ่มขึ้นมาแทนที่ ซึ่งจะบอกปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะงานนี้ผมอยากทำ

     โดยในทุกวันจันทร์ พุธ และพฤหัสบดี ผมจะต้องลุกจากที่นอนเวลาประมาณ 04:00 น. เพื่ออาบน้ำ แต่งตัว และไปถึงที่ทำงานในเวลา 05:00 น. หากไม่ได้หาอะไรรองท้องจากที่บ้านมา ก็ต้องแวะซื้อของกินเบาๆ ประทังหิวในระหว่างเตรียมตัวเข้ารายการตอน 06:00 น.

     ในช่วงเวลา 1 ชั่วโมง คือจาก 05:00-06:00 น. ผมจะต้องอ่านหนังสือพิมพ์ 7-10 ฉบับ และเตรียมข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม รวมถึงต้องแต่งหน้าและทำผมเอง เนื่องจากไม่มีช่างแต่งหน้าคนไหนแหกขี้ตามาทำงานพร้อมทีมงานรายการเช้าๆ แบบนี้

     รายการนี้มีชื่อว่า “ห้องข่าวรับอรุณ” เริ่มออกอากาศเวลา 06:00-07:30 น. หากวันไหนพิธีกรร่วมไม่มาด้วยเหตุฉุกเฉินใดๆ ก็ตาม พิธีกรอีกคนก็จะต้องรับภาระไปคนเดียวตลอดเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งนับว่าเป็นภาระที่หนักพอดู

     เมื่อจบรายการ ผมและพิธีกรร่วมจะมานั่งคุยกันเพื่อสรุปผลและประเมินว่า มีอะไรต้องปรับปรุงแก้ไขกันบ้าง เพราะต้องยอมรับครับว่ารายการข่าวเช้าทุกวันนี้มีคู่แข่งเยอะจริงๆ วิธีการนำเสนอข่าวจึงต้องประเมินและพัฒนากันทุกวัน ส่วนจะพัฒนาได้แค่ไหนก็อีกเรื่อง

     จากนั้นผมก็จะต้องรีบไปล้างหน้าล้างตาและทานข้าวเช้า เพื่อเตรียมตัวออกไปทำข่าวข้างนอก ซึ่งส่วนใหญ่รถข่าวจะออกเวลาประมาณ 8-9 โมงเช้า ถ้าวันไหนโชคดีหน่อยก็มีหมายข่าวแค่ช่วงเช้า แต่ถ้าโชคร้ายก็ต้องไปทำหมายข่าวตอนบ่ายด้วย ซึ่งนับเป็นความทรมานทางร่างกายจริงๆ

     ในช่วงไม่กี่เดือนแรก ร่างกายฟิตจัด ทำได้ไม่มีเหน็ดเหนื่อย ตื่นตั้งแต่ตีสี่มาทำรายการและออกไปทำข่าว 2 หมาย กลับมาที่ออฟฟิสเขียนข่าวต่ออีกถึง 6 โมงเย็น หรือบางครั้งลากยาวทำรายการรอบค่ำถึงเกือบ 3 ทุ่มก็มี กว่าจะกลับถึงบ้าน อาบน้ำ ทำธุระหรือภาระกิจส่วนตัวบ้าง แล้วก็นอน ก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน

     ส่วนวันที่ไม่มีรายการ “ห้องข่าวรับอรุณ” คือวันอังคารและศุกร์ ผมก็ต้องตื่น 6 โมงเช้า เพื่อไปให้ทันรถข่าวออกตอน 8-9 โมงเช้าเช่นเคย และกลับมาเขียนข่าวจนถึง 6 โมงเย็น ถ้าเป็นวันอังคารก็ต้องรีบกลับบ้านเพื่อจะได้นอนเร็ว เพราะวันรุ่งขึ้นต้องตื่นมาทำรายการเช้า แต่ถ้าเป็นวันศุกร์ก็รีบกลับเหมือนกัน เพราะเหนื่อยมาทั้งอาทิตย์ อยากไปกินข้าวเย็นหรือพบปะเพื่อนฝูงก็ไม่ไหวแล้วเช่นกัน

     ส่วนวันเสาร์ ผมก็ต้องมาทำรายการ “เก็บตกจากเนชั่น” ช่วง 19:00-20:30 น. ซึ่งเวลาช่วงบ่ายๆ วันเสาร์ของผมก็จะหมดไป เพราะต้องติดตามข่าวเพื่อเตรียมตัวตั้งแต่ 4-5 โมงเย็น กว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบสี่ทุ่ม และถ้าวันเสาร์ไหนที่ผมต้องเข้าเวรทำข่าว ก็จะมาออฟฟิสตั้งแต่ 9 โมงเช้าและกลับบ้านอีกที 4 ทุ่ม เพราะฉะนั้น วันอาทิตย์เป็นวันเดียวที่จะได้พักผ่อนเต็มๆ

     แต่หลังๆ มานี้ผมรู้สึกว่า “มันไม่พอ”

     มีคนที่รักผมมากๆ คนหนึ่งมักจะส่งบทความเกี่ยวกับการดูแลตัวเองและสุขภาพมาให้อ่านเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริหารเวลา การใส่ใจในสุขภาพของตัวเอง การใส่ใจคนรอบข้าง ฯลฯ เพราะส่วนตัวแล้วผมมีปัญหาสุขภาพที่จำเป็นต้องพักผ่อนอย่างเพียงพอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าใครก็ควรพักผ่อนอย่างเพียงพอ มิฉะนั้นแล้ว จากคนสุขภาพดีก็จะกลายเป็นคนสุขภาพแย่ได้ในไม่ช้า

     บทความล่าสุดที่ผมได้รับมา เป็นบทความของคุณสุทธิชัย หยุ่น ในชื่อ “กาแฟดำ” ซึ่งเขียนลงในนิตยสารชีวจิต ฉบับวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2550 ชื่อเรื่องว่า “เมื่อหมอบอกว่า เขามีชีวิตเหลือ 100 วัน”

     เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงในสหรัฐอเมริกา ที่เกี่ยวพันกับบุคคลหนึ่งซึ่งประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานเป็นอย่างมาก แต่วันหนึ่งหมอก็ตรวจพบว่าเขาเป็นมะเร็งสมองระยะสุดท้าย และมีเวลาเหลืออีกเพียงไม่เกิน 100 วันเท่านั้น เขาก็ต้องจากลาโลกนี้ไป

     ชายผู้นี้ชื่อ ยูจีน โอเคลลี่ อายุเพียง 53 ปีเท่านั้น มีครอบครัวที่อบอุ่น ลูกสาวเพิ่งเรียนชั้นมัธยม แต่เขาแทบไม่เคยใช้เวลากับครอบครัวเลย ไม่ได้ทานข้าวเย็นกับภรรยา ไม่เคยไปร่วมงานโรงเรียนของลูก เพียงเพราะให้ได้ตำแหน่งที่สูงขึ้นและรายได้เพิ่มขึ้น ภายใต้คำพูดที่สวยหรูที่ว่า “ก็เพราะรักครอบครัว”

     เมื่อ ยูจีน รู้เช่นนี้ จึงปรับกระบวนชีวิตของเขาใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เวลา 100 วันที่เหลืออยู่ถูกใช้ไปอย่างคุ้มค่า แม้มันดูเหมือนจะสายเกินไปก็ตาม เขาถึงขั้นเขียนหนังสือเล่มหนึ่งก่อนตายที่ชื่อว่า “Chasing Daylight” เพื่อหวังให้เป็นประโยชน์แก่คนที่ทุ่มเทกับการสร้างเนื้อสร้างตัวและรายได้เพื่อครอบครัว และมุ่งหวังกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ให้ตระหนักถึงสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันบ้าง

     และสิ่งที่ ยูจีน ค้นพบก่อนตายก็คือคำว่า “ปัจจุบัน” เพราะที่ผ่านมาชีวิตของเขามีแต่อดีตและอนาคต แต่ไม่เคยอยู่กับปัจจุบันเลย ไม่เคยใช้ชีวิตกับสิ่งที่มีอยู่ตรงหน้าเลย อย่างไรก็ตาม ก่อนตาย ยูจีน ก็ได้ใช้เวลากับครอบครัวอย่างเต็มที่ เขียนจดหมายบอกลาเพื่อนทุกคน พร้อมทั้งขอบคุณที่เป็นเพื่อนอันแสนดีในเวลาที่เขามีชีวิตอยู่ ฯลฯ

     ผมอ่านบทความนี้จบ ความรู้สึกเดิมๆ ก็กลับมาอีกครั้ง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้รับบทความแนวนี้จากคนที่รักผมมาเสมอ เป็นบทความที่ดึงความสนใจของผมให้กลับมาใส่ใจในตัวเองบ้าง เพราะการใส่ใจในตัวเองย่อมหมายถึงการใส่ใจในคนรอบข้างที่ใกล้ชิดเราเช่นกัน

     นั่นก็คือ “ครอบครัว”

    

*** ขอขอบคุณสำหรับบทความดีๆ จากกาแฟดำด้วยครับ

8 Responses to "อีก 100 วัน ผมจะตาย"

งานหนักเกินกว่าร่างกายทนไหว
แต่หัวใจมันสั่งให้สู้ต่อไป
เมื่อร่างกายไม่ไหว มันร้องบอกหัวใจ
หยุดสั่งได้ไหม เพราะว่าเหนื่อยเหลือเกิน

“ชีวิต”
หากเราทำให้ตึงเกินไป มันก็ขาดได้
หากหย่อนเกินไปก็ไม่น่าสนุก
“พอดี”
น่าจะช่วยได้มากนะคะ

*โชคดีที่นาฬิกาชีวิตของเรา ทำงานได้ดี
มันไม่เคยฝืน เมื่อร่างกายอ่อนล้า
นอนหลับให้เพียงพอ เดี๋ยวก็กลับมาเหนื่อยได้อีกแล้ว ^_^

เอ่อ…เห็นตารางเวลาพี่ แล้วผมอายอ้ะคับ

T-T

ชีวิตเหมือนงานศิลปะที่มีไว้ประดับโลก
แต่พระเจ้าแค่โยนก้อนดินลงมา
ที่เหลือก็ให้วัน-เวลาเติมแต่ง
…….
ก็แอบสนุกกับชีวิตทุกวันนะคะ
บางทีก็เหนื่อยสุดๆ
ถึงแม้จะลองตรวจทานและพิจารณามันบ่อยๆ
มันก็ยังดูมันบิดๆเบี้ยวๆ ยังไงพิกล
มันก็คงจะเบี้ยวอีตอนที่เราเหนื่อยๆไม่แรงอ่ะค่ะ!!

พี่ล่ะคะ..เป็นงัยบ้าง
เห็นหน้าตาเหนื๊อยยย… เหนื่อย
ระวังสปีดตกนะคะ
สู้ๆ สู้ตายค่ะ!!
🙂

(ดีใจ…ที่วันนี้พี่ไม่คุยเรื่องไอทีวี… เหนื่อยแล้วใช่ป่ะ?)

เลยต้องย้อนกลับมาถามตัวเอง
ถ้าเหลืออีก 100 วันจริงๆ เราจะทำอะไรบ้าง

ตารางเวลาแน่นแบบนี้ ต้องดูแลสุขภาพไปพร้อมกันด้วยนะครับ
ผมเห็นแล้วก็อายๆเหมือนกัน ขณะที่พี่ออกจอ ผมเพิ่งตื่นมากดรีโมทดูรายการพี่เอง (- -“)

คนบางคนยังพอจะรู้ว่ามีเวลเหลือสำหรับชีวิตตัวเอง แต่สำหรับบางคน เขาไม่มีสิทธิ์ได้รู้เลย ผมว่า เขายังโชคดีนะครับที่ได้รู้

ขอบคุณทุกท่านที่เป็นกำลังใจให้นะครับ 🙂

คุณต้องสู้…ชีวิตที่มีหลากหลายรสชาด… ชั้นก้อเป็นเหมือนคุณ แต่มั่ยชั่ยอีก 100 วันตาย…ชั้นโดนแม่บังคับหั้ยแต่งงานกับคนที่มั่ยด้ายรัก… และถูกกีดกันมั่ยหั้ยรักกับคนที่รัก… แต่เราทั้งสองก้อยังติดต่อกันจนถึงทุกวันนี้… เราทั้งสองยังรอวันที่แม่ชั้นต้องเข้าจัยเรา… รอวันที่เราด้ายอย่ด้วยกัน…

ใส่ความเห็น

Blog Visits

  • 158,847 hits